hubbardseeds.com
ELAC FS247. 4 Carina Premium Floorstanding Tower Speaker ลำโพงตั้งพื้นครบถ้วนทุกสรรพสำเนียงดนตรี ในรอบปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ผมทดสอบลำโพงตั้งพื้น เพียงครึ่งหนึ่งของลำโพงวางหิ้ง ทั้งที่ลำโพงตั้งพื้นก็มีจำหน่ายอยู่หลายหลากรุ่นในตลาด แต่จะหาที่ฟังแล้วรู้สึกว่าประทับใจนั้นยาก ดังนั้นนานๆ ครั้งที่ผมจะนำลำโพงตั้งพื้นมานำเสนอกับทุกท่าน และนี่คือ ลำโพงที่ควรค่าแก่การเป็นเจ้าของ ทั้งคุณภาพ เทคโนโลยี ดีไซน์งดงาม และ ราคา นับว่าคุ้มเกินคุ้ม ความดีงามอันดับแรกที่เรามั่นใจ ใน ELAC คือ แอนดรูว์ โจนส์ นักออกแบบลำโพงระดับโลกได้เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบลำโพงตั้งพื้นรุ่นใหม่นี้ด้วย ELAC FS247.
5 ทาง หรือสองทางครึ่งที่ดูจะพิสดารกว่าการออกแบบลำโพงโดยทั่วไป อะไรที่ยึดถือว่า มันเป็นระบบสองทางครึ่ง? นั่นก็คือการแบ่งการทำงานของวูฟเฟอร์ทั้งสองตัวให้ทำงานแยกกัน และเสริมกันในจังหวะที่เหมาะสม โดยวูฟเฟอร์ตัวแรกจะทำหน้าที่เป็นหลักในการให้เสียงต่ำตั้งแต่ช่วงมิดเบสลงมาถึงเบสย่านต่ำ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีความถี่ต่ำลึกมากขึ้น วูฟเฟอร์ตัวล่างจึงจะร่วมทำงานควบคู่กันไปด้วย เราจึงเรียกว่าเป็นระบบ "สองทางครึ่ง" สิ่งที่แตกต่างไปอย่างมากจากลำโพงทั่วไปคือ การใช้ตัวขับเสียงแหลมแบบแผ่นฟิล์มขึ้นรูปแบบหีบเพลง บีบอากาศแบบ JET ซึ่งในอดีตเรียกว่า Heils' Air Motion Transformer อันเป็นผลงานการคิดค้นของ ดร. Oskar Heil แล้วทาง ELAC ได้นำมาพัฒนาต่ออีกหลายเวอร์ชั่น กระทั่งถึง JET ในปัจจุบัน จุดเด่นก็คือ สามารถบีบอากาศให้กระจายเสียงออกมากว้างฉับไว และมีรายละเอียดช่วงปลายที่ดีเยี่ยม ผมได้ทดลองฟังลำโพงในหลายตระกูลของ ELAC ที่ใช้ทวีตเตอร์แบบ JET ซึ่งอยู่ในตระกูลลำโพงราคาสูงทั้งสิ้น เหมือนตัวการันตีว่า ลำโพงที่ใช้แผ่นฟิล์มแบบ JET เป็นที่สุดของ ELAC จริงๆ ผมได้ทำการเบิร์นลำโพงคู่นี้ ไว้สองสัปดาห์ ก่อนที่เราจะทดสอบจริง On Test ลำโพงซีรีส์ carina นั้น ได้ออกแบบมาครบสูตร ที่พร้อมใช้กับโฮมเธียเตอร์ได้ด้วย จึงมีลำโพงที่เหมาะเป็นคู่หน้า เซอร์ราวนด์ และเซ็นเตอร์ คือ BS243.
5 dB - Tweeter 1 × JET 5 ELAC BS-314 มีสีเดียวคือสี BLACK HIGHGLOSS ราคาเปิดตัวที่ 149, 900 บาท ************************************************************************************************************************************* ได้เวลาดวลกัน สำหรับ System ที่ใช้ทดสอบกับลำโพง 3 รุ่น 3 แบรนด์นี้ ประกอบไปด้วย CD Player: ACCUSTIC ARTS PLAYER I MK 3 CD AC Power cord: ZENSATI SERAPHIM AC POWER CORD (2. 0M) Integrated Amp: OCTAVE V-70SE (INTEGRATED AMP) AC Power cord: AUDIOQUEST WEL SIG AC POWERCORD (3FT) Analog Interconnect: ZENSATI SERAPHIM XLR (1. 0M) ชั้นวาง: FINITE ELEMENTE PAGODE APS600 APS-02-1 (3 LEVELS) ขาตั้งลำโพง: LOVAN SOVEREIGN A-4 24 (inches) ปลั๊กรางกรองไฟ: ACCUSTIC ARTS POWER STRIP ACTIVE 8 สายลำโพง: AUDIOQUEST WEL SIG SPEAKER CABLE (8. 5FT) น่าเสียดายที่ไม่สามารถ อัพโหลดเพลงร้องเพราะๆได้เนื่องจากติดลิขสิทธิ์ของ Youtube เอาเป็นว่าแนวบรรเลง เครื่องดนตรีครบๆ ก็ถือว่าน่าจะทราบแนวเสียงของลำโพงทั้ง 3 คู่นี้ได้ นะครับ ส่วนเพลงร้องค่อยแวะมาฟังที่ร้านกันเนาะๆ Gauder Akustik Arcona-40 ProAc Response DB-1 ELAC BS-314 ท่านใดชื่นชอบ คู่ไหนมาแชร์กันได้เลยนะครับ เอ!!!
เพิ่ม DAC เป็นอีกตัวนึงที่มีผลต่อเสียงมากทีเดียว ถ้าเทียบชุดฟังเพลงที่ใช้กับไม่ใช่ DAC แยกภายนอก เสียงที่ออกมาจากลำโพงจะต่างกันมาก โดยเฉพาะรายละเอียดของชิ้นดนตรี โฟกัสและความเงียบสงัดของพื้นหลังเวลาเราฟังเพลง เสียงชิ้นดนตรีที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนก็จะออกมาอย่างหมดจด ทำให้เวลาเราฟังเพลงจะสัมผัสได้ถึงรายละเอียดของดนตรีมากขึ้น ซึ่งทำให้เพลงเพราะมากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ DAC ยังช่วยเรื่องโฟกัสของเสียง ทำให้ชิ้นดนตรีจัดเรียงออกมาอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น จะไม่มีเสียงซ้อนทับกันหรือ " คลุมเครือ " ในแต่ละย่านอีกด้วย 3.
ทำให้ลำโพงอยู่นิ่งที่สุด โดยหลักแล้ว ถ้าขณะที่เล่นเพลงแล้วลำโพงมีการสั่น หรือขยับตำแหน่งไป จะทำให้เกิดเสียงเพี้ยนได้ ซึ่งทำให้รายละเอียดหรือความเที่ยงตรงของเสียงลดลง ดังนั้นจะสังเกตุได้ว่าพวกขาตั้งลำโพงมักจะเป็นพวกวัสดุที่ซับ หรือสลายแรงเพื่อให้ลำโพงอยู่นิ่ง โดยจะเห็นได้ชัดในขาตั้งลำโพงบ้านบางรุ่นที่มีการเททรายเข้าไปก็เพื่อซับแรงสั่นนั่นเอง 6. เอาตะแกรงปิดลำโพงออก เคยสังเกตไหมว่าลำโพงหลายๆรุ่นตะแกรงกันฝุ่นสามารถถอดออกมาได้ หรือบางแบรนด์ก็ใช้เป็นแม่เหล็ก ทั้งนี้เพื่อให้สามารถถอดออกมาขณะที่ฟังเพลงได้ โดยตามหลักการถ้ามีวัสดุมากั้นระหว่างดอกลำโพงกับหูเราน้อยลง เสียงที่ได้ยินก็ควรจะครบถ้วนมากขึ้นครับ ซึ่งวิธีนี้ทำให้เสียงดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นนะครับ จะคาดว่าเอาออกแล้วเสียงจะแตกต่างเหมือนข้ออื่นๆไม่ได้ 7.
ชื่อ ร้าน เท่ห์ ๆ, 2024